ชนกลุ่มน้อย สัตว์สงวน และความซวย 7 ชาติ

บ้านเกิดผมอยู่จังหวัดระยอง เมืองที่สุนทรภู่มานั่งมองเกาะเสม็ดแล้วจินตนาการเป็นวรรณคดีพระอภัย
มณีก็มีอิทธิพลบ้างที่อยากจะเป็นนักกลอนจากเมืองสุนทรภู่ ,หลังจากรู้ตัวในตอนมัธยมต้นว่าคะแนนวิชา
คณิตศาสตร์ห่วยแตกมาก ถ้าขืนเรียน ม.ปลายสายวิทย์ไปสอบแข่งเข้าคณะวิศวะชาตินี้ก็คงสอบไม่ติด จึงเข้า
กทม.มาเรียนมัธยมปลายสายศิลป์ ภาษาที่โรงเรียนดังย่านลาดพร้าว
อาศัยอยู่ในบ้านพี่ชายที่เป็นนักแปลวรรณกรรมต่างประเทศ พี่สะใภ้เป็นนักวิจารณ์วรรณกรรม มี
นักเขียนระดับซีไรท์ที่ตอนนั้นยังไม่ดังแวะเวียนมาเสวนาที่บ้านบ่อยครั้ง การตัดสินใจเอ็นทรานซ์เข้าไปเรียน
คณะอักษรศาสตร์ จุฬา จึงไม่ใช่เรื่องผิดจากความคาดหมายแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจจากการอ่าน
ประวตัิของจิตร ภมู ิศกัดิ์นักเขียน นักประวัติศาสต์ ปัญญาชนฝ่ายซ้ายรุ่นพ่อ ก็จบอักษรศาสตร์ จุฬา
แต่ก็ได้ยินว่าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ผู้หญิงเยอะ มีผู้ชายน้อย ที่น้อยอยู่แล้วก็มีความหลากหลาย
ทางเพศสูง เราจะอยูได้หรือ เมื่อได้มาอยู่คณะนี้ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตอนซ้อมเชียร์ของคณะ เสียงบูม ARTS
ของผมมันถูกกลืนไปกับเสียงแหลม เสียงสูงของสาวๆไปหมด ผมซ้อมเชียร์อยู่ครั้ง สองครั้ง ก็ไม่อยากเข้าซ้อม
อีก นั่นคือความอึดอัดของ”ชนกลุ่มน้อย”
ตอนรวมกลุ่มกันนั่งตามโต๊ะม้านั่ง ผมจับกลุ่มกับใครเขาไม่ได้ หลังจากนั้นก็กลายเป็นเจ้าไม่มีศาล ไม่มี
ที่สิงสถิต ผมก็เริ่มแปลกแยกกับคณะเข้าไปทุกที เป็นชนกลุ่มน้อยไม่พอ กลายเป็น outsider เต็มตัว ยิ่ง
แต่งตัวแบบอารามบอยสะพายย่าม ใส่รองเท้าแตะก็ยิ่งไม่เหมือนชาวบ้านเข้าไปใหญ่ เข้าขั้น
underground จะไปให้ผมไปอยู่กลุ่มหลากหลายทางเพศ ผมก็ไม่ใช่แบบนั้น จะให้ไปอยู่กลุ่มรุ่นพี่ขี้เมา
ข้างตึก4 ก็ไม่ใช่แนว จะไปอยู่กลุ่มผู้หญิงแล้วพวกเธอเรียกอย่างสนิทสนมว่าอีรณชัย ผมก็รับไม่ได้เช่นกัน
ทางออกคือการไปอยู่นอกคณะท ากิจกรรมทั้งค่ายอาสา งานองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬา(อบจ.) ที่ตึกจักร
พงษ์ รวมทั้งใช้เวลาส่วนใหญ่ในปี 3 และ 4ที่ชมรมวรรณศิลป์ ศาลพระเกี้ยว
นอกจากถูกเรียกว่า”ชนกลุ่มน้อย”แล้ว พวกผู้ชายอักษรยังถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า”สัตว์สงวน” เวลาโดน
เพื่อนผู้หญิงแซว เข้าใจว่าพวกเธอไม่ค่อยได้คิดอะไร พูดเอามันแบบคะนองปาก แต่คนฟังรู้สึกสะเทือนใจมาก
มันช่างแตกต่างกับสาววิศวะซึ่งมีจ านวนน้อยเหมือนกันเมื่อเทียบกับจ านวนผู้ชาย กลับถูกเรียกว่า “ไข่ในหิน”
สาวอักษร ตอนปี 1 เทอม 1 เพื่อนผู้หญิงยังใส่รองเท้าขาว แต่งตัวเรียบร้อย ยังไม่สะดุดตาเท่าไหร่ ผม
มักจะเล็งสาวรุ่นพี่ปี 2 ซึ่งพวกเธอแต่งตัวเป็นสาวเต็มที่ ดูแล้วเพลิดเพลินเจริญใจ ส่วนเพื่อนสาวปี 1 เธอจะเริ่ม
แต่งตัวน่ารักเอาตอนเทอม 2 กระโปรงของพวกเธอก็ดัดแปลงเป็นทรงลูกฟักบ้าง ทรงแหวกข้างบ้าง ในใจเราก็
คิดว่าทั้งชั้นปีมีผู้หญิงเป็นร้อยจะจีบเป็นแฟนสักคนคงไม่น่าจะเกินความสามารถ แต่มันไม่เป็นแบบนั้นเลยครับ
ผู้หญิงคนแรกที่ผมคิดจะจีบเป็นจริงเป็นจังตอนปี1 ผมตั้งใจมาก(ตอนเรียนมัธยมรักไม่ยุ่ง มุ่งแต่ Ent’) แต่ผล
คือ เธอไม่เอาผมครับ หน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ หลังจากนั้นชีวิตผมก็เสียศูนย์ทันทีโลกกลายเป็นสีด า ไม่
กล้าจีบสาวอักษรอีกเลยจนเรียนจบ พี่สะใภ้ซึ่งจบอักษร จุฬาฯ เหมือนกันบอกผมว่า “สาวอักษรเขาไม่คิดว่า
ผู้ชายน่าสนใจหรอก เขามองว่าเป็นเพื่อนเล่น เพื่อนร่วมชั้นเรียนมากกว่า” มิน่า สาวๆแถวลานนทรีย์ ใหม่ๆก็นั่ง
โต๊ะม้านั่งในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน นั่งไปนั่งมาหนุ่มวิศวะที่นั่งม้านั่งอีกฝั่งของลานนนทรีย์ก็ลากโต๊ะมารวมกับสาว
อักษร สมัยนั้นผมมันก็หมาหวงก้าง(ทั้งๆที่ไม่ใช่ก้างของเรา) หมั่นไส้พวกหนุ่มวิศวะ จริงๆก็อิจฉาด้วยครับ
เพราะสาวอักษรที่หนุ่มวิศวะจีบติดควงเป็นแฟนสวยๆทั้งนั้น
หนุ่มอักษรในทัศนะของสาวอักษรไม่มีอะไรน่าเจ็บใจไปกว่า ค าพูดของสาวอักษรรุ่นพี่ที่ว่า ”ถ้าได้
แต่งงานกับหนุ่มอักษรจะซวยไป 7 ชาติ” ที่จริงคนพูดก็ไม่ได้หน้าตาดีหรอกครับ แต่เธอพูดดังให้ได้ยิน จนผม
รู้สึกปรี๊ดดด หนุ่มอักษรไม่ดีตรงไหนวะ ดูถูกกันมากเลย แต่มันเป็น motto ที่พูดส่งผ่านกันมาเรื่อยๆ รุ่นต่อ
รุ่น ไม่มีที่มาที่ไป มันก็อาจจะเป็นจริงบ้างที่วิชาที่ชาวอักษรศาสตร์เรียนมันไม่สามารถเอามาท ามาหากินจน
ร ่ารวยเหมือนสาขาอื่น ถ้าแต่งงานกับหนุ่มอักษรด้วยกันก็คงกัดก้อนกินเกลือไปด้วยกันนานกว่าจะตั้งตัวได้
4 ปี ในคณะอักษรศาสตร์ของผม จึงดูเหินห่างหมางเมิน แบบคนอกหักรักคุด เรียนจบไปพร้อมๆกับ
ต านานความซวย 7 ชาติ แต่วันหนึ่งผมพบสาวอักษรคนหนึ่งที่ตอนเรียน 4 ปี ที่คณะ เราแทบจะคุยกันนับค าได้
เราโคจรมาเจอกันอีกครั้งในงานเลี้ยงรุ่น ผมตกหลุมรักเธอแบบฉับพลันทันทีในค ่าคืนนั้น ปาฏิหารย์มีจริง
ต านานรักสาวอักษรและหนุ่มเทวาลัยก็ก่อก าเนิดนอกคณะเป็นครั้งแรก เธอไม่เคยได้ยินต านานความซวย 7
ชาติ และเธอก็พร้อมกัดก้อนกินเกลือไปกับผม โลกของผมพลันสว่างไสว รู้สึกเติมเต็มกับชีวิต รู้สึกขอบคุณ
คณะที่นอกจากให้วิชากับผม ยังให้คนรักผมอีกด้วย ขอบคุณจริงๆ ฤาเทวาลัยจะมีชีวิตจริงๆ
หมายเหตุ-ภรรยาผมมาสารภาพภายหลังว่าตอนเรียนเธอตกบันไดที่ห้องโถงกลางหน้ารูป ร.5 อืมม..
ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
รณชัย แสงกระจ่าง
อบ. 50

0