ข้อคิดจากแม่ : ปลาทูเข่ง
สมัยเป็นเด็ก ใครได้ไปตลาดกับแม่จะดีใจมาก เพราะแม่ไม่ค่อยว่าง ทั้งทำงาน ทั้งเลี้ยงลูก ไหนจะทำกับข้าว ดูแลบ้านสารพัด ถ้าแม่พาไปตลาดแปลว่า อารมณ์ดีและไม่รีบ เราไม่ค่อยรู้หรอกว่าแม่มีเงินเยอะหรือน้อย อารามดีใจได้ไปกับแม่ ต่อมาเมื่อโตอีกนิด ช่างสังเกตอีกหน่อย จึงเห็นว่า แม่ซื้อไข่ครั้งละ 3-5 ฟองเท่านั้น หมู 5 บาท นานๆ จะซื้อ 10 บาท ผักค่อนข้างซื้อหลายอย่าง หลากหลายหน่อย แม่ค้าก็แถมให้พวกต้นหอม ผักชี แต่ที่แม่มักจะแวะอีกแห่ง คือ ซื้อปลาทูเข่ง เข่งละ 2 บาท ตัวใหญ่และสวยหน่อยให้คนกิน เข่งละบาท แม่ซื้อไปฝากเจ้าขาวของแม่
เราไม่รวย แม่จึงไม่เลี้ยงสัตว์ เพราะลำพังเลี้ยงลูกก็แย่แล้ว แต่เจ้าขาวนี่มาจากไหนไม่รู้ มันปวารณาตัวเป็นแมวของแม่ มาขออยู่ รักและภักดีกับแม่คนเดียวจวบจนวันสุดท้ายของมัน กับพวกเรามันคงรู้สึกว่าศักดิ์ฐานะเดียวกัน หรืออาจต่ำกว่ามันเล็กน้อย 555 สังเกตจากหน้าเชิดหยิ่ง และแววตาทระนง ยามเราเรียกมันมากินข้าว
ขาวมุดเข้ามาในบ้าน ตามคลอเคลียแม่ จนแม่อ่อนใจ ต้องเรียกมาคุย พามันไปที่ห้องน้ำ และบอกว่าอถ้าลื้ออึฉี่นอกห้องน้ำ อั๊วไม่เลี้ยงจริงๆ นะ ถ้าแมวพยักหน้าได้ คงทำแล้ว แต่ขาวทำยิ่งกว่า คือ อึฉี่ในห้องน้ำตลอดชีวิต ไม่ต้องให้แม่ตามเก็บ ตามซักผ้าหรือเช็ดที่ไหนเลย สอนครั้งเดียว จำได้ รู้เรื่อง ไม่เกเร
เหตุที่ชื่อขาว ก็เพราะตัวขาวตลอดไม่มีสีอื่นแซม ตาออกเขียวอมฟ้า จับหนูเก่ง บ้านเราไม่เคยมีหนูช่วงที่ขาวอยู่ ที่บ้านเคยเลี้ยงขาวคู่กับ Lucky ด้วย หมาพันธุ์ปักกิ่งที่มีคนให้มา ทั้งสองตัวอยู่ด้วยกันอย่างสันติ เพราะLucky รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ไม่เคยกล้าหือกับขาวเลย แม้จะตัวใหญ่กว่า ปัญหาอย่างเดียวที่ขาวมี คือ มันเลี้ยงลูกไม่เป็น ทำลูกตายไปหลายครอก ตอนหลังขาวแก่ตาย
ตลอดเวลาที่เลี้ยงแมว แม่มักให้วิ่งไปซื้อปลาทูเข่ง 2 บาท 1 เข่ง และ 1 บาท 1 เข่งเสมอ ไม่เคยลืมส่วนของขาวเลย แม่ใจดีแบบเงียบๆ เผื่อแผ่แมวหมา ไก่ นก ปลา ตัวอื่นๆ นอกจากขาว ล้วนแล้วแต่พี่ชายที่สรรหามาเลี้ยง ส่วนใหญ่ขอเพื่อนๆ มา สุดท้ายแม่ก็รับเลี้ยงต่อทุกตัว ไม่เคยทิ้งขว้าง
ทั้งบ้านไม่มีใครเป็นทาสแมว ทาสหมาแต่ก็เลี้ยงจนส่งขึ้นอีกฟากฝั่งหนึ่งเสมอ หมาตัวล่าสุดที่เลี้ยงก็ตายเมื่ออายุ 19 และคงเป็นตัวสุดท้ายแล้ว
แฮปปี้ หมาของทุกคน เคยป่วยหนักตอนอายุ 12 เป็นหลายโรค พยาธิในเส้นเลือด กระดูกหลังเสื่อม หัวใจ ไต ตาต้อ ต่อมลูกหมาก เราก็ดูแลต่อมาอีก 7 ปี หมอนิดหมอโอ๋ สัตวแพทย์แถวบ้าน ตลอดจนอาจารย์หมอของหมอสองสาว ช่วยเหลือดูแลด้วยดี บางทีโทรไปหมดจะปิดร้านแล้ว หมอก็รอ ดูแลกันจนสุดปลายจริงๆ คงเพราะเราได้บทเรียนปลาทูเข่งจากแม่นี่แหละ
สนุกจัง เขียนมาลงบ่อยๆนะ แทงกิ้วจ้ะ เหมือนได้เป็นลูกอาม่าด้วยคน