ใครเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วบ้าง เรื่องราวไม่ได้จี๊ดจ๊าด แต่จําไม่ลืม
ชั้นวางแผนไปอังกฤษกับตั้งแต่ปลายเดือนกุมภา แจ๊คพอตมากเจอชาวรถไฟอังกฤษ strike ทั่วประเทศ แถมเลือกวันเดินทางโดยรถไฟได้
เหมาะเจาะอย่างที่สุด
วันที่พี่ๆ เขา strike กันคือ 21,23,25 มิย
ตารางเดินทางของชั้นคือ
21 ออกจาก London ไป York
22 ออกจาก York ไป Edinburgh
24 ออกจาก Edinburgh กลับมา London
ดูจากวันที่แล้วน่าจะรอดทั้งวันที่ 22 และ 24 แต่การณ์กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่วันที่ไม่ strike มันยังเสล่อมีแอบ cancel นะยะ
วันที่ 22 ชั้นไปถึงสถานีรถไฟยอร์คก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง เผื่อเหลือเผื่อขาด
ไปถึงก็ยืนงงหน้าบอร์ดบอกเวลากับเบอร์ชานชะลา
…ทําไมเบอร์รถเราไม่ปรากฎอยู่บนบอร์ด…
ทําไมคะ…
เจ้าหน้าที่บอก…อ้อ…ก็ยกเลิกอ่ะค่ะ ช่วยไปขบวน 12:30 ละกันนะคะ
ขณะนั้น 12:24แล้ว ก็โกยกันอ้าวพร้อมกระเป๋าเดินทาง
ขนาด travel light แล้ว ก็ยังต้องลาก เข็น ยก อยู่ดี
ขึ้นรถได้ก็ต้องเสี่ยงดวงหาที่นั่งกันเอาเอง ตั๋วมี seat ที่จองไว้ล่วงหน้าสามเดือนหามีความหมายใดใดไม่ ในสถานการณ์คับขันก็เจอทั้งคนหยาบคายและใจดี
พอถึง Edinburgh ก็พุ่งไปที่ห้องขายตั๋ว ขอ confirm ว่าเที่ยวที่จะไปลอนดอนไม่ cancel นะ คุณลุงขายตั๋วยืนยันมั่นใจ นี่ไง…ขบวนของยูพร้อมชี้จอคอมพิวเตอร์ให้ดูภาพประกอบว่าขบวนเราไปลอนดอนแน่ๆ
อุ้ย…ดีใจ
ตัดภาพวื้ดดดดไปสองวัน
คืนก่อนกลับลอนดอนนอนดูข่าวเล่นๆ เห็นข่าวรถบรรทุกพลิกควํ่าไถตัวจากถนนตกทับรางรถไฟ เอ๊ะ…ยังไง จะเกี่ยวกับเราไหมเนี่ย
จากประสบการณ์(เมื่อสามสิบกว่าปีมาแล้ว)
เคยเจอนํ้าท่วมนาริตะทางขาด ชาวญี่ปุ่นตั้งสะพานให้รถข้ามได้ภายในหกชั่วโมง เราไปเดินชอปปิ้งยังไม่เสร็จ สะพานเสร็จแล้วค่ะ
หรือที่สวิตเซอร์แลนด์ ทางไป Zermatt เจอนํ้าท่วมทางขาดอีก คุณพี่ชาวสวิสเอาแพยางแบบหนาสูบลมกางแล้ววางเหล็กทับให้รถวิ่ง
ต่อไปเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
นี่แค่รถบรรทุกคันเดียว รางรถไฟรางเดียว มันจะเท่าไหร่ก้านนนนน
ชิลๆ เนอะ
เช้าวันที่ 24 ชั้นก็รีบไปสถานีก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง เผื่อเหลือเผื่อขาดอีก
แต่ทําม้ายยยย มันต้องต้องขาดไม่มีเหลือเลยสักครั้ง รถไฟขบวนเราถูก cancelled อีกจริงๆ เพราะรางสายเหนือเจ๊งโบ๊งไปแล้ว
ด้วยเหตุน้องรถบรรทุกที่กลิ้งทับรางรถไฟนั่นแหละ
จนท สั่งการรวบผู้โดยฯ ขบวนสายเหนือไปผนวกกับรถไฟสายตะวันตก.
หรือจากสาย Lumo และ Lner ไปขึ้น Avanti (เหล่านี้คือชื่อบริษัทรถไฟที่วิ่งตามเส้นทางต่างๆ)
โปรดนึกภาพผู้โดยฯ ที่ไปรถขบวนเรา (11:50) บวกกับผู้โดยฯ ขบวน 11:19 บวกกับผู้โดยฯ ตัวจริงขบวนที่ไปได้(11:32) รวมเป็นจํานวน
ผู้โดยฯ สามขบวนในรถขบวนเดียว
สภาพเลยตราตรึงแบบนี้
นึกถึงตอนปี 4 กลับจากเชียงใหม่กับเพือนๆ นั่งรถไฟชั้น 3 แม้เป็นเก้าอี้ไม้ ก็ยังมี seat ให้แสดงความเป็นเจ้าของ
นี่จ่ายตั๋วราคาเต็มก็ยังนั่งพื้น และคาดว่าต้องนั่งไปจนถึงลอนดอน
โปรดดูสภาพ
เป็นปสกที่หาซื้อไม่ได้จัดให้ exclusively โดย Royal British Railways เท่านั้นค่ะ
เอาล่ะ…ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี ชั้นได้นั่งในรถเสบียง มาดว่าเหตุการณ์เพลี้ยงพลํ้าเลวร้ายไป
กว่านี้การันตีว่าเรามีของกินแน่นอน
อนิจจา…เมื่อมี pros ก็ย่อมมี cons ที่ไหนมีขุมทรัพย์ย่อมมีคนมาตะกุยคุ้ยเขี่ย
เริ่มจากมีคนมาหาซื้ออาหาร แล้วโวยวายว่าทําไมไม่ขาย
โอ้ววว…พี่คะ พี่ไม่เห็นเลยเหรอคะว่ามีคนนั่งอัดอยู่ในตู้เสบียงกี่ชีวิต ที่จะยืนยังไม่มี จะให้ขายอะไรยังไงคะ เอาอะไรคิดคะเนี่ย
ต่อด้วย มีคนมาโวยวายขอนํ้าขอเบียร์นางโวยจนท ยกนํ้าออกมาหนึ่งลัง 48 ขวด วางไว้บนเคาน์เตอร์เหนือหัวชั้น ก็ต้องลุ้นกันล่ะว่าจะ
แจกหมดก่อนหรือจะตกใส่หัวชั้นก่อน
รถไฟก็เคลื่อนตัวไปตามรางเรื่อยๆ ถ้าไม่เมื่อยยืนเก้ๆ กังๆ ก้มตัวให้หัวพอดีหน้าต่าง ก็จะมีทิวทัศน์ชนบทอังกฤษอันงามสงบให้เห็นพอเพลินๆ
จาก travel time 4ชั่วโมงครึ่ง เริ่มยืด เพราะมีคนดันไปดึง alarm ที่สถานีรถไฟระหว่างทาง จนทก็ต้องเช็คกันว่ามีเหตุอาเพศจริงหรือเล่น
ก็สรุปว่าเล่น
นาทีนั้น เป็นอันว่าถึงลอนดอนช้าไปอีกชม เป็น 16:30
เมื่อเรานึกว่าความซวยมักมาเป็นแพคสาม อันนี้เริ่มไม่ใช่แระ
ขณะที่รถไฟแล่นอยู่กลางป่า ก็พลันจอด…
ทําไมล่ะคะ…
รถไปไม่ได้ ประตูชํารุด ต้องหาเหตุก่อน ถ้าประตูปิดไม่ได้ รถก็วิ่งไม่ได้
ด้วยความเร็วรถประมาณ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง คงไม่มีใครกล้าเสีายงถูกเหวี่ยงลงจากรถเนอะ
เจ้าหน้าที่ก็เอาอกเอาใจผู้โดยฯ ด้วยการประกาศให้ข่าวเป็นระยะๆ พอไม่ให้เหงา ว่าบัดนี้ตรวจด้วยระบบกลางไม่ได้ บานปลายเป็นต้อง
เดินตรวจประตูทีละบานๆ นึกภาพตามนะ ว่ารถไฟขบวนยาวๆ มันมีกี่ประตู และจะใช้เวลาเท่าไหร่
สักพัก เขาเริ่มตัดไฟในรถไฟ เพื่อให้เหมาะกับบรรยากาศจอดอยู่กลางป่ า
ไม่นานเท่าไร จนทเสียงหล่อคนเดิมประกาศอีก กําลังใจเริ่มมา
ซ่อมประตูเสร็จแล้วคร้าบ…เย้…
คนประกาศดันต่อด้วย…
However…
ไอ้คํานี้ มันไม่ค่อยเป็นมงคลเท่าไรเนอะ
เมื่อเราคิดว่า it can’t be worse ก็ worse ทันทีจนทที่ชั้นว่าเสียงไม่หล่ออีกต่อไปแล้วประกาศว่า รถไฟเสีย ต้องเปลี่ยนขบวนที่สถานีหน้า
ขอเชิญท่านผู้โดยฯ ลากกระเป๋าไปขึ้นรถที่ชานชะลาเบอร์ 5 โดยพร้อมเพรียงกัน
ห๊า…เอางั้น
ชานชะลาเบอร์ 5 ย่อมหมายความว่า ต้องมีการขึ้นบันใดและลงบันใดอีกอย่างละรอบ
โขยกเขยกพะรุงพะรังกันจนถึงรถขบวนใหม่ คนอื่นเลี้ยวซ้าย คณะเราเลี้ยวขวา ตามป้าย first class ที่ติดข้างโบกี้ ดูทรงแล้วไม่น่าต้อง
แย่งที่นั่งที่ยืนกับคนอื่นสักเท่าไร เพราะไม่ค่อยมีคนเดินมาทางนี้
เอาล่ะ…ดวงการเดินทางของคณะเราเริ่มดีขึ้น บัดนี้เราได้ upgrade มานั่ง (หน้าห้องนํ้า) first class ถึงขั้นมี cabin ส่วนตัว เคบินที่ว่าคือ
exit ตรงทางขึ้นลง
ยืนคุยกันไป ดูวิวกันไป จากเมือง Crewe จนถึง London ประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นห้องนํ้าที่เรายืนเป็นยามอยู่ก็เริ่มชํารุด กดนํ้าไม่ลง
จะมีอะไรต่อไปอีกไหมเนี่ย…
เอาล่ะ…ถึงลอนดอนแล้ว คิวขึ้นแท็กซี่ยาวเหยียด
เอาอี้ก…คนขับแท็กซี่ที่ลอนดอนนี่ถือเป็นเอกเรื่องถนนหนทาง เพราะต้องผ่านการสอบที่มหาหินมหาโหดกว่าจะได้ใบขับขี่แท็กซี่มาครอบครอง ทุกคนจะรู้จักทุกซอกทุกมุมในลอนดอนอย่างกับหลังมือตัวเอง
ว่าแล้ว พี่คนขับของเราเกิดเลี้ยวผิด วนไปวนมาอยู่อีก นางเลี้ยวมั่ว มั่วเสร็จหันมาถามเสียงใสน่ารัก…กระเป๋ายูหนักไหม ลงเดินได้ปะ น่ะ
…โรงแรมยูอยู่นั่นไง…ชี้ชวนน่ารักนะยะ
ชั้นก็สวนกลับทันที บ้า it’s heavy…that’s why I take taxi จงไปส่งชั้นให้ถึงหน้าโรงแรมบัดเดี๋ยวนี้
แล้วนางก็ชาร์จเงินเพิ่มตามระยะทางที่นางวนเพิ่มไป
วันนี้วันดี…ยังความบันเทิงมาให้ทุกรูปแบบ
รถไฟแล้ว แท็กซี่แล้ว ต่อด้วยโรงแรมค่ะ
พนักงานเช็คอินก็นะ…อิฉันอัพเกรดให้นะคะ แต่นางไม่ดูตาม้าตาเรือเล้ยย…ส่งเข้าห้องที่ยังไม่ทําความสะอาด หรือทําแล้วแต่ไม่เสร็จก็ไม่รู้
ชั้นเริ่มขําไม่ออก อยากจะเหวี่ยงนางไปดาวพระศุกร์แต่นางสวยไม่พอเลยไม่ qualified เลยจบความคิดที่ตรงนั้น
นางก็ส่งไปอีกห้อง ซึ่งรับไม่ได้มาก ห้องเล็กกว่าห้องนํ้าที่บ้านอีกอ่ะ เล็กกว่าที่จองมา บ้าไปแล้ว ต้องเดินลงมาเปลี่ยนเป็นหนที่ 3
ยังนะคะ ยังไม่สุด…ตบท้ายด้วยรถเมล์ค่ะ
นั่งรถเบอร์ 74 ออกมากินข้าว กะว่าจะไป Knightsbridge ระหว่างที่นั่งก็บอกนอยกับน้องว่าเดี๋ยวถ้าถึง South Kensington แล้วเห็นอะไรน่ากินก็กระโดดลงกันนะ จะได้ไม่ต้องไปไกล
ก่อนถึง S. Ken สักสามป้าย คนขับประกาศว่า we are terminating service at S. Ken แม่เจ้า นางแอบฟังเราพูดแล้วบันดาลให้ฝันเป็นจริงหรือไร
จบวันยาวๆ ที่ไม่มีอะไรไปตามแผนเลยด้วยเฝอร้อนๆ
สีสันของการเดินทางสวยงามสดใสเสมอ บางครั้งก็อ่อนหวานน่ารัก บางครั้งก็สีฉูดฉาดออกแนวโฉด เช่นครั้งนี้เป็นต้น
อ่านสนุกมาก อ่านแล้วเห็นภาพยิ่งกว่าภาพที่เห็นอีกจ้า
ผ่านมาแล้ว เลยได้เรื่องสนุกๆมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ขอบคุณจ้าหนึ่ง