อ่านเรื่องที่เพื่อนเปียเขียนถึงหมู่บ้านที่อยู่ #คลองสามวาตะวันออก มีเทือกสวนไร่นาคั่นเป็นระยะแล้ว ก็ขอนำเสนอบริเวณที่เปียอาจไม่เคยเห็น คือวิวด้านหลังศูนย์ธรรมธานี สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง (ใน 9 แห่งที่อยู่ในประเทศไทย) ของท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ศูนย์นี้เป็นสาขาในกรุงเทพฯ สร้างอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว เราไปศูนย์นี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน แต่สมัยนั้นยังไม่รู้ว่ามีเพื่อนอาศัยอยู่ เมื่อธ.ค.2564 จึงเป็นครั้งแรกที่มีการนัดเจอเปียก่อนเข้าศูนย์
ตอนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยขนของเราเข้าห้องพัก และถามว่าได้ห้องอยู่ “เบย์ไหน” (Bay) เปียซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าเหวอ เพราะได้ยินเป็น “อยู่แดนไหน” เปียคงกลัวว่าจะต้องมาส่งข้าวส่งน้ำให้เพื่อนเสียแล้ว 555
ด้วยความที่ห้องพักที่นี่จะสร้างตรงกลางเป็นทางเดินยาว ยื่นลงไปในทะเลสาบด้านหลัง มีลักษณะเหมือนท่าเรือ จึงเรียกว่า Bay มีทั้งหมด 5 Bayๆ ละ 22 ห้อง (รวมซีกซ้าย/ขวา) ห้องด้านในสุดของแต่ละเบย์ (ห้องที่ 21,22) ขณะนั่งทานข้าวหน้าห้องตัวเอง จะมองเห็นวิวทะเลสาบด้านนอกอย่างชัดเจน (แต่ละห้อง ที่ประตูจะมีเหล็กพับลงมาเป็นที่วางถาดอาหารสำหรับนั่งทานหน้าห้อง)
เราเคยได้อยู่ห้อง เบย์1/21 เมื่อครั้งไปคอร์สช่วงปลายปี 2556-57 ปีนั้นถ้าจำได้ กรุงเทพฯ อากาศหนาวมากผิดปกติเหลือ 10 กว่าองศา
ส่วนห้องปฏิบัติของที่นี่อยู่บนชั้น 2 ข้างนอกห้องมีระเบียงหน้าต่างรายรอบ ปกติมองออกไปจะเห็นวิวภายในหมู่บ้าน แต่ในเช้าวันหนึ่งของปีที่หนาวมากนั้น หลังออกจากห้องปฏิบัติรอบแรก (ตี 4.30-6.00 น.) ทุกคนยืนตะลึงกับภาพทะเลหมอกอันหนาทึบ ราวกับยืนดูจากภูเขาสูง ปกคลุมจนไม่เห็นตัวหมู่บ้าน และเนื่องจากตลอดการปฏิบัติ ทุกคนต้องรักษาความเงียบ, ปิดวาจา งดการสื่อสารทั้งหมด (ยกเว้นให้คุยกับเจ้าหน้าที่ได้เมื่อมีเหตุจำเป็น และต้องฝากของมีค่า/มือถือไว้ที่ล็อคเกอร์ ซึ่งจะได้รับคืนในวันสุดท้าย)
ดังนั้น นอกจากภาพทะเลหมอกอันสวยงามแบบไม่ต้องขึ้นเขาไปชมที่ไหนแล้ว เรายังประทับใจกับการที่ทุกคนยืนนิ่ง มองอย่างดื่มด่ำ, เงียบสงบ, ไร้เสียงพูดคุย แต่มันจารึกลงในใจ โดยไม่ต้องแย่งกันบันทึกภาพ (เพราะไม่มีอุปกรณ์ใดๆ 555)
ก็เลยไม่มีภาพทะเลหมอกเก็บไว้ ส่วนภาพพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้านี้ ถ่ายในวันสุดท้ายหลังจากได้รับมือถือคืน แต่วันนั้นอากาศอุ่นขึ้น ทะเลหมอกจางหายไปหมดแล้ว…
สมาชิกหลายคนบอกว่า ไม่น่ามีตาข่ายเหล็กมาบดบังทัศนียภาพเลย แต่เราขอตั้งชื่อภาพนี้ว่า “กำแพงสังสารวัฏ” ลองจินตนาการว่าลิบๆ ฝั่งโน้น คือเป้าหมายของการก้าวเดิน ที่ต้องการข้ามจากฝั่งนี้ไปฝั่งโน้น มันต้องผ่านอุปสรรคมากมาย และกำแพงตาข่ายนี้ มันคือหนึ่งในกับดักที่ห่อหุ้มร้อยรัด ซึ่งของจริงในสังสารวัฏ ยิ่งโยงใยเป็นตาข่ายสลับซับซ้อนถี่ยิบ ที่ร้ายคือ มันโยงใยชนิดที่สายตาคนปกติมองไม่เห็น คล้ายกับคลื่น World Wide Web ที่ปกคลุมโลกอยู่ และมันยากเหลือเกินที่จะก้าวข้ามทะลุทะลวงเข้าสู่มิติแห่งการหลุดพ้น
อย่างไรก็ตาม เรามองภาพนี้ด้วยความหวัง ด้วยว่ายังพอเห็นแสงสว่างรำไรๆ ให้เดินตาม เคยมีครูบาอาจารย์กล่าวว่า ช่องทางที่จะลอดไปสู่อีกฝั่ง มันเล็กมากๆๆ ยิ่งกว่ารูเข็ม การจะผ่านไปได้นั้น คือการละทิ้งอัตตาตัวตนลงอย่างสิ้นเชิง
ท้ายสุด คงมีอีกหลายสิ่งให้ค้นหา ณ ที่แห่งนี้ ใครสนใจลองไปดูได้นะคะ #คลองสามวา
บันทึกเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565
ความคิดเห็นล่าสุด